หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

The Last Airbender มหาศึก 4 ธาตุ จอมราชันย์

Avatar : The Last Airbender เป็นการ์ตูนซีรี่ส์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในอเมริกา เริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ปี 2005 ในช่องการ์ตูนสุดฮิต Nickelodeon ออกอากาศติดต่อกันมาเป็นเวลาประมาณ 3 ปี ก็จบบริบูรณ์ในปี 2008 (ราวๆวันที่ 19 ก.ค. 2008) รวมทั้งหมด 3 ซีซั่น
การ์ตูนเรื่องนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร? หลายคนอาจจะสงสัย หลายคนที่ไม่เคยรู้จัก อาจจะอยากที่จะใคร่รู้ขึ้นมาบ้างว่าทำไม? การ์ตูนเรื่องนี้มีดีอย่างไร? ถึงทำให้เด็กๆที่ฝั่งอเมริกาถึงชอบกันได้มากมายขนาดนี้ ขนาดที่ว่าถามเด็กคนไหน (โดยส่วนมาก) เป็นได้ต้องร้องอ๋อ!! กันแทบทุกคนเลยเชียวล่ะ (ซึ่งเรทติ้งของผู้ชมอยู่ที่ประมาณ 5.6 ล้านคนต่อตอน)

Avatar : The Last Airbender เกิดขึ้นมาจากบุคคลแค่ 2 คน คือ ไมเคิล ดันเต้ ดิมาร์ติโน(Michael Dante DiMartino) และ ไบรอัน โคเนียซโค่(Bryan Konietzko) ซึ่งเป็นผู้ที่หลงไหลในการ์ตูนของญี่ปุ่นและศิลปะวัฒนธรรมในเอเชีย จึงเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาได้สร้างการ์ตูนเรื่องนี้ให้ได้เกิดขึ้นมา พวกเขาทั้งสองจึงนำคอนเซ็ปนี้ไปเสนอกับทางช่อง Nickelodeon และพวกเขาก็ไม่ผิดหวังเพราะทางช่องชื่นชอบและเห็นด้วย หลังจากนั้นได้กลายมาเป็นการ์ตูนสุดฮิตและได้รับความชื่นชอบจากผู้ที่ได้ชมเป็นอย่างมาก และยังได้รับรางวัลต่างๆอย่างมากมาย เช่น Annie Awards, Genesis Awards, Emmy Awards, Peabody Awards และ Nickelodeon Kid's Choice Awards เป็นต้น

และนี่คือประวัติความเป็นมา การก่อกำเนิดของเรื่องราวแห่งอนิเมชั่นทางฝั่งอเมริกา ซึ่งเป็นต้นฉบับทำให้มีการสร้างเป็นภาพยนตร์อย่างยิ่งใหญ่ ในชื่อที่ว่า The Last Airbender (เนื่องจากคำว่า Avatar ได้มีผู้กำกับเจมส์ คาเมรอน ได้นำไปใช้กับภาพยนตร์เรื่องอื่นแล้ว เดี๋ยวจะซ้ำกัน คงจะรู้กันน่ะ!!)


The Last Airbender เรื่องราวโดยย่อ ในดินแดนแห่งหนึ่ง มนุษย์ได้อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ซึ่งในดินแดนแห่งนี้มีภูมิประเทศที่สวยงาม อีกทั้งสัตว์ป่าที่แสนแปลกประหลาดมหัศจรรย์อยู่มากมาย รวมไปถึงพลังของวิญญาณธาตุศักดิ์สิทธิ์ และเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ ซึ่งเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ได้แบ่งออกเป็น 4 เผ่า คือ ดิน (Earth Kingdom) น้ำ (Water Tribes) ลม (Air Nomads) และไฟ (Fire Nation) ในแต่ละเผ่าจะมีพลังที่จะควบคุมและกำหนดในการดำรงชีวิตของคนในเผ่าตามธาตุ (Element) ทั้ง 4 ซึ่งคนที่ควบคุมพลังแห่งธาตุได้นั้นจะเรียกว่า "Benders" แต่ในการที่จะรักษาความสมดุลย์และควบคุมพลังแห่งธาตุได้ทั้ง 4 นั้นจะมีอยู่เพียงหนึ่งเดียวเรียกว่า "อวตาร" (Avatar)


"อวตาร" (Avatar) จะมีการผลัดเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เมื่ออวตารร่างเก่าสิ้นอวตารร่างใหม่จะถือกำเนิดขึ้นในเผ่าใหม่ วนเวียนครบทุกเผ่าเป็นอย่างนี้เรื่อยไป ซึ่งดินแดนแห่งนี้ก็ได้สงบสุขเรื่อยมา จนมาถึงวันแห่งกลียุค ในโลกแห่งความสงบสุขกลับต้องเจอเรื่องราวที่เลวร้าย เมื่อเผ่าไฟหรืออาณาจักรแห่งไฟได้บุกรุกราน ทำลายเผ่าและอาณาจักรอื่นๆให้วอดวาย หมายเพียงแค่หวังให้อาณาจักรแห่งไฟได้ครอบครองโลกและดินแดนแห่งนี้ทั้งหมดไว้แต่เพียงฝ่ายเดียว ทำให้ดินแดนแห่งนี้ต้องเสียความสมดุลย์แห่งธาตุไป ซึ่งในขณะนั้น "แองก์" (Aang) ซึ่งเป็นร่าง "อวตาร" (Avatar) ร่างใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นในเผ่าแห่งสายลม (Air Nomads) และยังเด็กอยู่มากก็ได้หายสาบสูญไปอย่างลึกลับ และเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งร้อยปี ทำให้เรื่องราวของ Avatar ได้เลือนหายไปตามกาลเวลาจนกลายเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าในตำนานไป

หากแต่ทว่าเรื่องเล่าแห่งวันวาน กลับไม่ได้เป็นเพียงแค่ตำนานอีกต่อไป เมื่อวันนึง "อวตาร" (Avatar) ได้กลับมาสู่ดินแดนแห่งนี้อีกครั้ง เพื่อนำความสมดุลย์แห่งธาตุและนำความสงบสุขกลับคืนมา


แนะนำตัวละครในเรื่องกันหน่อย


คนแรกเป็นตัวเอกของเรื่องเลยชื่อว่า แองก์(Aang) นำแสดงโดยโนอาห์ ริงเกอร์(Noah Ringer) เป็นอวตารร่างล่าสุดที่ได้หายสาบสูญไปเมื่อร้อยปีก่อน เป็นคนของชนเผ่าแห่งสายลมคนสุดท้ายที่เหลือรอดจากการถูกรุกรานของอาณาจักรแห่งไฟ พอได้ตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลก็ได้พบว่า ดินแดนแห่งโลกใบนี้ได้เกิดสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ที่อาณาจักรแห่งไฟได้ก่อขึ้นไว้ ซึ่งผลของสงครามทำให้สูญเสียสมดุลย์พลังแห่งธาตุไปแล้ว แองก์เป็นเพียงแค่เด็กผู้ชาย ซึ่งหลังจากตื่นขึ้นมาก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องราวบนโลกนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องออกเดินทางเพื่อที่จะฝึกฝนเรียนรู้วิธีที่จะควบคุมพลังแห่งธาตุอีก 3 อย่างให้ครบ ก่อนที่อาณาจักรแห่งไฟจะทำลายทุกอย่างจนหมดสิ้น โดยแองก์มีเพื่อนร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วย อัพป้า ควายไบซันบินได้เป็นทั้งเพื่อนคู่ใจและยานพาหนะไปในตัว โมโม่ ตัวลีเมอร์ค้างคาวเป็นสัตว์เลี้ยง และแองก์ยังมีไม้เท้าพิเศษที่สามารถแปลงเป็นเครื่องร่อนได้

เกร็ดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวของแองก์ ว่ากันด้วยเรื่องของรอยสัก ว่ากันว่าเมื่อผู้ควบคุมลมสำเร็จวิชาขั้นสูงสุดในการควบคุมลม ก็จะมีรอยสักที่หัว แขนและขา เพื่อแสดงให้เห็นถึงแนวของพลัง "ชี่" ที่ไหลอยู่ในร่างกาย แองก์เป็นผู้ควบคุมลมที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รอยสักนี้มา ต่อไปว่ากันด้วยเรื่องความสามารถของร่างอวตาร เมื่อแองก์เข้าสู่ "สภาวะอวตาร" จะมองเห็นรูปรอยสักของแองก์เปล่งแสง แองก์จะใช้พลังที่สุดยอดไร้ผู้ต้านทานได้ เพราะในสภาวะนี้จะเป็นสภาวะที่จิตในชาติก่อนๆ ทั้งความรู้ในวิชาและความสามารถต่างๆมารวมตัวกัน แต่ถ้าร่างอวตารที่อยู่ในสภาวะนี้กลับต้องมาตาย แองก์ก็จะไม่ได้กลับมาเกิดใหม่ได้อีกเลย นอกจากนี้ อวตารยังมีความสามารถในการเชื่อมโลกมนุษย์กับโลกแห่งวิญญาณได้ ซึ่งแองก์สามารถถอดวิญญาณออกจากร่างไปแก้ปัญหาที่ใครคนไหนก็ทำไม่ได้


คนต่อไปเป็นสาวน้อยมีชื่อว่า คาทาร่า(Katara) นำแสดงโดย นิโคล่า เพลท์ซ(Nicola Peltz) เป็นคนจากเผ่าแห่งน้ำทางใต้ เธอเป็นผู้ที่มีพลังในการควบคุมน้ำคนสุดท้ายของเผ่า เพราะเผ่าของเธอโดนอาณาจักรแห่งไฟเผาทำลายไปจนหมด ไม่เว้นแม้แต่แม่ของเธอ ซึ่งเหลือไว้แค่สร้อยคอเก่าแก่ที่ตกทอดกันมานานไว้เป็นของดูต่างหน้า ตอนนี้เธอได้อาศัยอยู่กับพี่ชายและยายของเธอ เธอเป็นคนที่ค้นพบแองก์ ที่ติดอยู่ในก้อนน้ำแข็งได้โดยบังเอิญ และเธอได้ตัดสินใจร่วมเดินทางไปกับแองก์ไปทางขั้วโลกเหนือ ซึ่งที่นั่นยังมีเมืองของชนเผ่าน้ำทางเหนือเหลืออยู่ เพื่อที่เธออาจจะได้เรียนรู้วิชาควบคุมน้ำเพิ่มเติมไปด้วย


คนที่สามมีชื่อว่า โซกะ(Sokka) นำแสดงโดย แจ็คสัน แร็ธโบน(Jackson Rathbone) เป็นพี่ชายของคาทาร่า แต่เขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ไม่มีพลังที่สามารถควบคุมพลังแห่งธาตุน้ำได้ ถึงแม้เขาไม่มีพลังพิเศษอะไรแต่เขาก็ฉลาดพอที่จะช่วยเหลือผู้อื่นได้เพราะเขาเชื่อในพลังของความคิด และเขายังเป็นนักรบของเผ่าด้วย มีความเป็นผู้นำและเป็นคนที่ชอบวางแผนการณ์ต่างๆ มีอาวุธประจำตัวคือ บูมเมอแรง


คนที่สี่มีชื่อว่า เจ้าชายซูโก(Prince Zuko) นำแสดงโดย เดฟ พาเตล(Dev Patel) เป็นเจ้าชายจากอาณาจักรแห่งไฟ เขาถูก โอไซประมุขแห่งไฟ ซึ่งเป็นพ่อของเขาขับไล่ เนรเทศออกจากเมืองพร้อมกับลุงของเขาชื่อว่า ไอโร เขาจึงต้องออกเดินทางพร้อมกับลุงไปยังที่ต่างๆ และสิ่งเดียวที่สามารถนำเขากลับมายังเมืองได้อีกคือ การจับตัว อวตารมาให้พ่อของเขาให้ได้ เพื่อให้ได้มาซึ่งศักดิ์ศรีที่หายไป


ตัวละครในเรื่องตัวอื่นๆนับจากนี้ยังไม่มีรูปให้ดูน่ะครับ

คนที่ห้ามีชื่อว่า เจ้าหญิงยูเอ(Princess Yue) นำแสดงโดย เซย์เชลี เกเบรียล(Seychelle Gabriel) เป็นเจ้าหญิงแห่งเผ่าน้ำทางเหนือ เธอเกิดมาพร้อมกับโรคประหลาดและกำลังจะตาย พ่อของเธอจึงนำตัวเธอไปขอพรกับโอเอซิสศักดิ์สิทธิ์ประจำเผ่าเพื่อให้เธอได้มีชีวิตรอด จากนั้นผมของเธอกลับกลายเป็นสีขาวเพราะได้รับพลังจากดวงจันทร์และเธอก็กลับมามีชีวิตได้เหมือนเดิม พ่อจึงตั้งชื่อเธอว่ายูเอซึ่งมีความหมายว่าพระจันทร์ ด้วยความสวยที่ไม่เหมือนใครของเธอ ทำให้โซกะปิ๊งเธอตั้งแต่ที่เห็นในครั้งแรก

คนที่หกมีชื่อว่า ไอโร(Iroh) นำแสดงโดย ชอน ทู้ป(Shaun Toub) ซึ่งเป็นลุงของซูโก ดูภายนอกเหมือนเป็นคนไม่มีอะไร เรื่อยๆเฉื่อยแฉะ และขี้เกียจ แต่เป็นคนที่มีความสุขกับทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว เป็นมิตรกับทุกคน ซึ่งเป็นนิสัยที่ตรงกันข้ามกับซูโก จึงทำให้ซูโกโมโหลุงของเขาอยู่ทุกวัน ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนว่า ไอโรเป็นคนแก่ที่ไม่มีพิษสงอะไร แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนที่มีฝีมือเยี่ยมยอดอยู่มาก และเขาพยายามสอนซูโกให้เข้าใจในหลักของเกียรติที่แท้จริง

คนที่เจ็ดมีชื่อว่า โอไซประมุขแห่งไฟ(Fire Lord Ozai) นำแสดงโดย คลิฟ เคอร์ติส(Cliff Curtis) เป็นพ่อของซูโก ประมุขของอาณาจักรแห่งไฟ ซึ่งเป็นผู้จุดชนวนแห่งสงครามระหว่างเผ่า รุกรานอาณาจักรอื่นๆ ซึ่งหวังที่จะครอบครองดินแดนแห่งนี้ไว้แต่ผู้เดียว ส่วนสาเหตุที่เขาเป็นมารร้ายนั้น ยังไม่มีใครรู้?

คนที่แปดมีชื่อว่า นายพลเชา(Commander Zhao) นำแสดงโดย อาซีฟ แมนดวี(Aasif Mandvi) เป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพแห่งอาณาจักรไฟ เขาเป็นคนที่มักใหญ่ใฝ่สูง เขารู้สึกพอใจที่ซูโกโดนเนรเทศ เพราะเขาจะได้เป็นผู้ที่กุมอำนาจในการควบคุมทหารไว้ทั้งหมด เขาหวังที่จะได้ขึ้นครองอำนาจต่อจากประมุขโอไซ และเขายังเป็นศัตรูคนสำคัญของซูโก ในการจับตัวอวตารอีกด้วย

รายละเอียดเกี่ยวกับเผ่าต่างๆ

1.เผ่าแห่งลม (Air Nomads) มีสัญลักษณ์ของเผ่าเป็นรูปสายลมหมุนวน เป็นเผ่าที่อยู่กันอย่างสงบสุข พลังส่วนใหญ่มีไว้เพื่อป้องกันตัวเอง พลังโจมตีจะน้อยกว่าเผ่าอื่น พวกเขามักจะย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆเหมือนกับสายลม โดยผู้ควบคุมลม สามารถใช้ลมเหาะไปไหนมาไหนได้ จึงอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งแต่จะมีที่ตั้งซึ่งเปรียบเสมือนเป็นจุดปกครองของชนเผ่าอยู่ 4 แห่ง เป็นวัดประจำทิศต่างๆตั้งอยู่สุดขอบมุมโลก เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ที่วัดจะมีพระสงฆ์คอยดูแลเพื่ออบรมสั่งสอนเด็กให้เติบโตมาเป็นผู้ควบคุมลมที่ดี แยกเป็นวัดชายและหญิงอย่างละ 2 แห่ง ซึ่งแองก์เติบโตมาจากวัดทางใต้ และโดนอาณาจักรไฟบุกโจมตี จนเหลือแองก์รอดเพียงคนเดียว

2.เผ่าแห่งน้ำ (Water Tribes) มีสัญลักษณ์ของเผ่าเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวและน้ำ แสดงถึงความสัมพันธ์กันของพระจันทร์ที่มีต่อกระแสน้ำ ชนเผ่านี้ได้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ คือเผ่าทางเหนือและทางใต้ และยังมีเผ่าหนองน้ำที่เป็นกลุ่มเล็กๆซึ่งอยู่ใกล้กับอาณาจักรดิน เผ่าน้ำทางใต้ถูกทำลายจนไม่เหลือ แต่เผ่าทางเหนือนั้นมีปราการและเมืองที่แข็งแรงกว่า รวมทั้งสภาพแวดล้อมที่มีแต่น้ำแข็ง จึงทำให้รอดจากการถูกโจมตีจากอาณาจักรแห่งไฟได้ เผ่านี้เป็นธาตุแห่งการเปลี่ยนแปลง สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมรอบๆได้ดี มีพลังพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือสามารถใช้พลังแห่งน้ำในการรักษาได้ และพลังของคนในเผ่าจะมีพลังที่สูงสุดได้เมื่อพระจันทร์เต็มดวง

3.อาณาจักรแห่งดิน (Earth Kingdom) มีสัญลักษณ์ของเผ่าเป็นรูปสี่เหลี่ยมในวงกลม ชนเผ่าดินเป็นพวกที่รักศักดิ์ศรี มีความเข้มแข็งและแข็งแกร่งมากที่สุด ขนาดที่อาณาจักรแห่งไฟยังบุกได้ยาก เป็นอาณาจักรที่มีประชากรมากที่สุดใน 4 เผ่า คนในอาณาจักรดินเป็นคนที่มีนิสัยตรงๆ จริงใจ สามารถเข้ากับเผ่าอื่นได้ดี แต่หลังจากเกิดสงครามแล้ว ก็เกลียดคนเผ่าไฟเป็นอย่างมาก ในการเดินทางของแองก์ในภาคนี้ จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาณาจักรดินมากนัก แต่ก็ได้เที่ยวผจญภัย เห็นสิ่งแปลกใหม่ในอาณาจักรดินไม่น้อยเลยล่ะ

4.อาณาจักรแห่งไฟ (Fire Nation) มีสัญลักษณ์ของเผ่าเป็นรูปไฟสามง่าม คนเผ่านี้มีความต้องการ หรือกิเลสเป็นแรงผลักดัน พวกเขาจึงทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ อาณาจักรแห่งไฟไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่เนื่องจากว่าแหล่งพลังงานใหญ่ของเผ่าคือดวงอาทิตย์และพลังงานความร้อนใต้ดิน ทำให้เผ่านี้มีพลังทำลายสูงมากชนเผ่ายังมีความเชี่ยวชาญในการอุตสาหกรรม สามารถสร้างเครื่องไม้เครื่องมือ อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆได้มากมาย เช่นกองเรือรบเหล็ก รถถัง รวมถึงหน่วยรบทางอากาศ และยังมีกองทหารอีกมากมายทั้งทหารราบ ทหารแรด(ขี่แรดกิ้งก่ามาร่วมรบ) ทหารธนู เพื่อไว้ใช้รุกรานเผ่าอื่นโดยเฉพาะ จุดของเผ่าแทบไม่มี แต่เมื่อใดที่เกิดสุริยะคราส คนในเผ่าไฟทุกคนจะอ่อนแรง ไม่สามารถใช้พลังไฟได้เลย

ความคิดเห็นจากผู้เขียน

ในส่วนตัวของผม ผมเป็นคนชอบการ์ตูน(มันอยู่ในสายเลือดน่ะครับ) อ่านหรือดูหมดทุกเรื่องเท่าที่มีให้ดู สำหรับเรื่องนี้นั้น ผมได้ยินชื่อเสียงมานานพอควรสำหรับความดังของการ์ตูนเรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่เคยได้ยลโฉมมันเลยสักครั้ง จนกระทั่งเขาได้สร้างเป็นภาพยนตร์ จึงทำให้ผมอยากที่จะดูมากๆ คิดว่าในส่วนของตัวหนังมันน่าจะสนุกน่ะ หลังจากที่ได้ดูตัวอย่างหลายๆตัวที่ออกมาให้ชมกัน และเนื้อเรื่องด้านบน พออ่านแล้วยิ่งทำให้เกิดความอยากดูเพิ่มขึ้นอีก ในส่วนของผู้กำกับ(เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน) เขามีดีกรีพอควรสำหรับหนังเขย่าขวัญ(ก็ในแนวของเขานั่นล่ะ) ผมคิดว่าเขามีมุมมองที่น่าจะแปลกออกไปจากที่เราคาดเอาไว้แน่ๆ หมายถึงตัวหนังคงจะน่าดูแน่ อย่างน้อยๆก็คงได้เห็นมุมมองใหม่ ของการกำกับหนังแนวใหม่(บ้าง)จากตัวของผู้กำกับ ในส่วนของนักแสดง ทางฝั่งอเมริกามีการต่อต้านเกี่ยวกับการคัดเลือกตัวของนักแสดงที่สวมบทบาทกัน เนื่องจากตัวการ์ตูนเป็นหนังออกแนวเอเชียแต่นักแสดงกลับเป็นฝรั่งตาน้ำข้าวซะนี่ ก็เลยเกิดการต่อต้านของทางด้านองค์กรเครือข่ายเพื่อประชาชนเชื้อสายเอเชีย-อเมริกัน(Media Action Network for Asian Americans) ซึ่งผมขอไม่กล่าวถึงน่ะ ส่วนตัวผมชอบนักแสดงที่สวมบทของแองก์ ผมว่าภายนอกเขาดูดีในท่วงท่าต่างๆ(อย่างว่าละครับ เป็นถึงแชมป์เทควันโด้จากเท็กซัสเชียวน่า) แต่จะสวมบทเป็นแองก์ได้ดีหรือเปล่า ผมว่าเราต้องไปดูกันให้รู้แล้วล่ะครับ


ตัวหนังน่าจะเข้าฉายในบ้านเราช่วงปลายเดือนนี้ (ประมาณ 22 หรือ 29 ก.ค. 53)

ขอขอบคุณ
ดาราภาพ(STARPICS) เล่มที่778 July 2010
http://www.imdb.com/title/tt0938283/fullcredits#cast
http://en.wikipedia.org/wiki/The_Last_Airbender

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ยินดีกับการเริ่มต้นใหม่

เป็นการแสดงความยินดีให้กับตัวเอง เนื่องจากว่าเป็นการเริ่มต้นในการเริ่มใช้เว็บบล็อคครั้งแรก